ลิเวอร์พูลใช้เงินเกิน 300 ล้านปอนด์! พวกเขายังสามารถซื้อ "อิซัค" ได้อย่างไร?

ลิเวอร์พูลกำลังตกเป็นข่าวว่าพร้อมเดินหน้าคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค จากนิวคาสเซิลด้วยค่าตัวสูงถึง 130 ล้านปอนด์ ซึ่งจะทำให้ยอดใช้จ่ายรวมในซัมเมอร์นี้พุ่งทะลุ 300 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้พวกเขายังสามารถใช้จ่ายมหาศาลได้โดยไม่ผิดกฎการเงินของพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ทำให้ได้รับเงินรางวัลสูงถึง 175 ล้านปอนด์ อีกทั้งยังเพิ่มรายได้จากการขยายความจุสนามแอนฟิลด์ และเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ชุดแข่งจาก Adidas ในสัญญาที่มีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านปอนด์ต่อปี
แม้จะทุ่ม 116 ล้านปอนด์ คว้าตัว ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ แล้วเสริมด้วย มิลอส เคอร์เคซ (40 ล้าน) และ เจเรมี ฟริมปง (30 ล้าน) ลิเวอร์พูลก็ยังคงอยู่ในสถานะทางการเงินที่มั่นคงภายใต้กฎ PSR ที่อนุญาตให้ขาดทุนได้ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ในระยะเวลา 3 ปี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินฟุตบอล คีแรน แมกไกวร์ ระบุว่า ลิเวอร์พูลใช้เงินสุทธิน้อยกว่าทีมท็อปซิกซ์ทั้งหมดในรอบ 3 ปีหลัง ใช้รวมเพียง 325 ล้านปอนด์ ซึ่งรวมเวิร์ตซ์เข้าไปแล้ว ทำให้พวกเขายังมี “พื้นที่ปลอดภัย” ในการเสริมทัพ
ทั้งนี้ การจ่ายค่าตัวนักเตะอย่างอิซัคก็สามารถแบ่งจ่ายเป็นงวด ซึ่งช่วยกระจายภาระการเงินไปในระยะยาว
นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังอาจปล่อยนักเตะอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ที่ได้รับความสนใจจากนาโปลีและทีมในซาอุฯ เพื่อสมดุลรายรับรายจ่าย แม้พวกเขาจะปฏิเสธข้อเสนอ 58.6 ล้านปอนด์ จากบาเยิร์น มิวนิกสำหรับ หลุยส์ ดิอาซ
แม้นิวคาสเซิลจะยืนยันไม่ขายอิซัค แต่หากนักเตะต้องการย้าย อนาคตอาจเปลี่ยนได้ โดยมีเพียงไม่กี่สโมสรในยุโรปที่สามารถจ่ายค่าตัวระดับนี้ได้ หนึ่งในนั้นคืออาร์เซนอล แต่ดูเหมือนพวกเขาจะปิดดีล วิคเตอร์ กโยเคเรส แทนแล้ว
ลิเวอร์พูลกำลังใช้โมเดล "ซื้อเฉพาะที่จำเป็น" ภายใต้การบริหารของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ โดยเน้นการวิเคราะห์ข้อมูล มากกว่าตามกระแสหรือความกดดันจากภายนอก

